ไขข้อสงสัยและช่วยตอบที ประกันรถยนต์ชั้น 1 บริษัทไหนดีนะ ?

Categories:

ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบของคำถามที่ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 บริษัทไหนดี เราไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจกันแบบเร็วๆ 1 รอบก่อนดีกว่า กับประกันภัยรถยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีวางขาย ณ ปัจจุบันนี้กันก่อนเลย

ทำความรู้จักและทำความเข้าใจกันแบบเร็วๆ กับประกันภัยรถยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีวางขาย ณ ปัจจุบันนี้

  • ข้อที่ 1 : ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้การคุ้มครองมากที่สุด รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของเรา และที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน ชีวิตและร่างกายของคู่กรณี หากเราเป็นฝ่ายผิด รวมถึงกรณีรถยนต์ของเราสูญหาย หรือไฟไหม้
  • ข้อที่ 2 : ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสำหรับรถคันใหม่ หรือมือใหม่หัดขับ พอมีเงินจ่ายค่าเบี้ย เลือกประกัยภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้ก็อุ่นใจทุกกรณี
  • ข้อที่ 3 : ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 รับผิดชอบเกือบทุกอย่างเหมือนประเภทที่ 1 รวมกรณีรถยนต์ของเราสูญหายหรือไฟไหม้ เพียงแต่ไม่รวมความเสียหายกับรถยนต์ของเรา คือรถเราต้องจ่ายเอง
  • ข้อที่ 4 : ประกันรถยนต์ประเภท 2 และ ประกันรถยนต์ 2+ เหมาะสำหรับคนขับรถช่ำชองแล้ว มั่นใจการขับรถตัวเองว่ารอบคอบ ปลอดภัยพอสมควร หรือใช้รถไม่บ่อย การเลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  • ข้อที่ 5 : ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+ รับผิดชอบทุกอย่างเหมือนประเภทที่ 2 บวกรับผิดชอบกับรถยนต์ของเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก (ชนกับอย่างอื่นไม่ได้) สนใจประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ คลิก
  • ข้อที่ 6 : ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 รับผิดชอบเฉพาะของคู่กรณี ในกรณีเราเป็นฝ่ายผิด แต่ไม่รับผิดชอบความเสียหายของรถยนต์เรา
  • ข้อที่ 7 : ประกันรถยนต์ประเภท 3 และ ประกันชั้น 3 เหมาะสำหรับรถเก่าอายุหลายปี หรือนานๆ ใช้รถสักครั้ง ดูรายละเอียด ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ได้ที่นี่
  • ข้อที่ 8 : ประกันภัยรถยนต์ 3+ รับผิดชอบเหมือนประเภท 3 บวกรับผิดชอบรถยนต์ของเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก ดูรายละเอียด ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ ได้ที่นี่
  • ข้อที่ 9 : ประกันภัยรถยนต์ประเภท 4 รับผิดชอบเฉพาะทรัพย์สินของคู่กรณี ดูรายละเอียด ประกันภัยรถยนต์ชั้น 4 ได้ที่นี่

ท้ายนี้มาเข้าเรื่องกันเลย หากถามว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 บริษัทไหนดี ต้องบอกก่อนว่าไม่มีที่ไหนดีและไม่มีที่ไหนไม่ดีหรอก จะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับความต้องการของคนซื้อประกันเท่านั้น หากซื้อมาแล้วแฮปปี้ ตรงใจ เหมาะกับรถ เคลมง่าย พนักงานดี สะดวกรวดเร็วเราก็จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่หากซื้อมาแล้วไม่แฮปปี้ ไม่ตรงใจ ไม่เหมาะกับรถ เคลมยาก พนักงานไม่ดี ไม่สะดวก ไม่รวดเร็ว ไม่เราก็จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีนั่นเอง